การใช้บัตรเครดิตให้สิ่งตอบแทนคืนมาในรูปของคะแนนสะสม แต้มเหล่านี้มีมูลค่า สามารถนำไปแลกเป็นสินค้า บริการ ส่วนลด หรือใช้เป็นส่วนลดในการเดินทางได้ การมีแต้มจำนวนมากจึงเป็นเป้าหมายของคนใช้บัตรจำนวนไม่น้อย เพราะเหมือนได้ประโยชน์เพิ่มจากการใช้จ่ายไปในตัว แต่การจะเก็บแต้มให้ได้ปริมาณเยอะๆ สำหรับคนทำงานประจำหรือคนทั่วไปที่ไม่มีรายจ่ายทางธุรกิจ อาจดูเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเทคนิคเฉพาะทาง บทความนี้ได้รวบรวมมุมมองและวิธีการที่จะช่วยให้การสะสมคะแนนบัตรเครดิตเกิดผลลัพธ์ที่ดี สำหรับทุกคนที่ต้องการเห็นแต้มในบัตรเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างชัดเจน โดยจะลงลึกในรายละเอียดของแต่ละแนวทางเพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง
ใช้บัตรเครดิตกับทุกค่าใช้จ่ายที่ทำได้
หัวใจสำคัญของการเร่งเก็บคะแนนบัตรเครดิตคือ การเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ให้หันมาใช้บัตรเครดิตสำหรับทุกรายการเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่หรือเล็กน้อยก็ตาม เริ่มตั้งแต่ค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ที่ปัจจุบันหลายผู้ให้บริการก็เปิดให้ชำระผ่านบัตรได้แล้ว รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางอย่าง ค่าน้ำมันรถยนต์ หรือแม้แต่ค่าโดยสารระบบขนส่งสาธารณะบางประเภท เช่น รถไฟฟ้า MRT ที่สามารถใช้บัตรเครดิตแบบแตะจ่ายได้ ยอดเงินเพียง 20 บาทก็ไม่ควรมองข้าม หากสามารถชำระด้วยบัตรได้ก็ควรทำ เพราะทุกยอดการใช้จ่ายที่ผ่านบัตรมีโอกาสเปลี่ยนเป็นคะแนนสะสมได้
การใช้จ่ายในส่วนของอาหารการกิน ทั้งการทานข้าวนอกบ้าน หรือการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป การช้อปปิ้งเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว หรือแม้กระทั่งการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ควรพยายามใช้บัตรเครดิตเป็นช่องทางหลักในการชำระเงิน การสร้างความคุ้นเคยและทำให้การใช้บัตรเป็นเรื่องปกติ จะช่วยให้สามารถรวบรวมยอดใช้จ่ายได้มากขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อจำนวนคะแนนที่จะได้รับในแต่ละรอบบิล การทำเช่นนี้เป็นการดึงศักยภาพของบัตรเครดิตมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ สำหรับการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในแต่ละเดือน
รวมพลังจ่าย การใช้บัตรกับกลุ่มเพื่อนและครอบครัว
นอกเหนือจากการใช้จ่ายส่วนตัวแล้ว การนำบัตรเครดิตไปใช้กับค่าใช้จ่ายของกลุ่มเพื่อนหรือคนในครอบครัวก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มคะแนนได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีโอกาสไปทานอาหาร ท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนฝูง ลองอาสาเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดด้วยบัตรเครดิตส่วนตัวไปก่อน จากนั้นจึงให้เพื่อนแต่ละคนโอนเงินสดส่วนของตัวเองคืนมา วิธีนี้จะทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในครั้งเดียว ซึ่งหมายถึงคะแนนสะสมที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ในทำนองเดียวกัน การรวมศูนย์ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน เช่น การให้สมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นคู่สมรส หรือคุณพ่อคุณแม่ นำค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ปกติอาจจะจ่ายด้วยเงินสด มาให้ผู้ถือบัตรเป็นคนจัดการชำระผ่านบัตรเครดิตใบหลักเพียงใบเดียว แล้วพวกท่านค่อยนำเงินสดมามอบคืนให้ภายหลัง ก็เป็นกลยุทธ์ที่ดีเช่นกัน แนวทางนี้เป็นการนำยอดใช้จ่ายของหลายคนมารวมไว้ที่บัตรใบเดียว ทำให้แต้มสะสมเติบโตได้เร็วกว่าการใช้จ่ายแค่คนเดียว อย่างไรก็ดี การใช้วิธีนี้จำเป็นต้องอาศัยความไว้วางใจ การสื่อสารที่ชัดเจน และการจัดการเรื่องการเก็บเงินคืนที่ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ควรเลือกใช้กับกลุ่มเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวที่ไว้ใจได้
เลือกบัตรที่ใช่ ใช้โปรแกรมให้เป็น
การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมกับเป้าหมายและไลฟ์สไตล์เป็นสิ่งสำคัญ การมีบัตรหลายใบอาจทำให้คะแนนกระจัดกระจาย การมุ่งเน้นใช้จ่ายผ่านบัตรหลักเพียงใบเดียวจึงมักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในการสะสมแต้ม หากเป้าหมายคือการแลกไมล์เดินทาง ก็ควรพิจารณาเลือกใช้บัตรเครดิตที่ร่วมโปรแกรมกับสายการบินโดยตรง หรือบัตรที่ให้คะแนนสูงสำหรับการใช้จ่ายในหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง เช่น บัตร UOB Privimiles เป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนที่เน้นการสะสมไมล์โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ควรให้ความสนใจกับเงื่อนไขเรื่องอายุของคะแนนสะสม บัตรบางประเภทมีคะแนนที่ไม่มีวันหมดอายุ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการวางแผนสะสมคะแนนในระยะยาวเพื่อแลกของรางวัลใหญ่ๆ ดังตัวอย่างที่มีบางคนใช้เวลาสะสมคะแนนถึง 5 ปี เพื่อแลกตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจไปต่างประเทศได้สำเร็จ ธนาคารผู้ออกบัตรบางแห่งยังมีโปรแกรมพิเศษที่ช่วยเพิ่มแต้มได้ เช่น โปรแกรม PayAnything ของ UOB ซึ่งเปิดให้ผู้ถือบัตรสามารถใช้บัตรชำระค่าใช้จ่ายบางประเภทที่ปกติอาจรับเฉพาะเงินสด โดยมีค่าธรรมเนียมราว 1.5-2% โปรแกรมลักษณะนี้คล้ายกับการกดเงินสดแต่ได้แต้มตอบแทน นับเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเร่งแต้ม แต่ต้องคำนวณความคุ้มค่าเทียบกับค่าธรรมเนียมที่เสียไป ที่สำคัญคือต้องติดตามโปรโมชั่นส่งเสริมการขายอยู่เสมอ
บัตรเครดิตมักมีแคมเปญให้คะแนนพิเศษเป็นเท่าทวีคูณ (x2, x3, x4) เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น ใช้จ่ายในหมวดหมู่ที่ร่วมรายการ หรือมียอดใช้จ่ายถึงเป้า การใช้ประโยชน์จากโปรโมชั่นเหล่านี้จะช่วยให้คะแนนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ข้อควรระวังเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและการคิดคะแนน
แม้ว่าการใช้บัตรเครดิตจะมีประโยชน์ในการสะสมแต้ม แต่ก็มีข้อควรระวังบางอย่างที่ต้องดูให้ดีด้วย ประการแรกคือ ค่าธรรมเนียมที่ร้านค้าอาจเรียกเก็บเพิ่มเติมจากการชำระด้วยบัตรเครดิต บางร้านอาจชาร์จ 2-3% หากเจอสถานการณ์เช่นนี้ ควรประเมินความคุ้มค่าระหว่างคะแนนที่จะได้รับกับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเพิ่ม หากคำนวณแล้วแต้มที่ได้ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป การเลือกชำระด้วยวิธีอื่นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ประการต่อมาคือ วิธีการคำนวณคะแนนของบัตรแต่ละใบ ซึ่งอาจแตกต่างกัน บัตรบางใบคิดคะแนนจากยอดใช้จ่ายแต่ละครั้งแยกกัน หากกำหนดว่าทุก 25 บาทได้ 1 คะแนน การใช้จ่ายยอดต่ำกว่า 25 บาทในหนึ่งครั้ง (เช่น 20 บาท) ก็อาจจะไม่ได้รับคะแนนเลย แม้จะมียอดใช้จ่ายอื่นๆ รวมกันในรอบบิลนั้นก็ตาม ในทางกลับกัน บัตรบางใบอาจรวมยอดใช้จ่ายทั้งหมดในรอบบิลก่อน แล้วจึงนำมาคำนวณคะแนน ซึ่งวิธีหลังนี้จะทำให้ยอดใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ มีโอกาสถูกนำไปรวมเพื่อคิดคะแนนได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจเงื่อนไขและวิธีคิดคะแนนของบัตรเครดิตที่ถืออยู่ จึงเป็นเรื่องสำคัญ จะได้วางแผนการใช้จ่ายเพื่อให้ได้รับคะแนนสูงสุดตามสิทธิ์ ควรอ่านรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของบัตรอย่างละเอียดเสมอ
สะสมแต้มต้องใช้เวลาและการวางแผนระยะยาว
สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ใช้บัตรเครดิตในทางธุรกิจ การคาดหวังว่าจะสะสมคะแนนจำนวนมหาศาลได้ในเวลาอันสั้นอาจเป็นเรื่องเกินจริง การเก็บแต้มให้มากพอที่จะแลกของรางวัลมูลค่าสูง เช่น ตั๋วเครื่องบิน โดยเฉพาะเส้นทางต่างประเทศหรือชั้นธุรกิจนั้น จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาและความต่อเนื่องในการใช้จ่าย
จากประสบการณ์ของผู้ที่สะสมแต้มจริงจัง อาจต้องใช้เวลาตั้งแต่ 1 ถึง 3 ปี หรือบางครั้งอาจนานกว่านั้น ดังที่มีคนเคยใช้เวลาถึง 5 ปีในการสะสมคะแนนสำหรับตั๋วเครื่องบินที่ต้องการ ปัจจัยสำคัญที่ช่วยเร่งกระบวนการนี้ได้คือการมีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว เช่น ค่าที่พักโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบินสำหรับการเดินทางส่วนตัว หรือการซื้อสินค้าราคาแพง ยอดใช้จ่ายเหล่านี้จะช่วยเพิ่มคะแนนได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม หัวใจหลักยังคงเป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ โอกาส การเลือกใช้บัตรเครดิตที่คะแนนสะสมไม่มีวันหมดอายุจึงเป็นเรื่องที่ควรพิจารณา เพื่อให้การสะสมแต้มเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีแรงกดดันเรื่องเวลา การมองการสะสมแต้มเป็นการเดินทางระยะยาวและมีความอดทน จะช่วยให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ในที่สุด
ซื้อขายทอง เร่งแต้มได้จริงหรือ?
มีคำถามที่น่าสนใจเกิดขึ้นเกี่ยวกับแนวทางการเร่งสะสมแต้มด้วยวิธีที่ต่างออกไป นั่นคือการใช้บัตรเครดิตซื้อทองแล้วนำไปขายต่อ วนทำซ้ำเพื่อสร้างยอดใช้จ่ายและรับคะแนนสะสม แนวคิดนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะช่วยให้ได้แต้มเร็วขึ้นกว่าการใช้จ่ายตามปกติ
ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ความเป็นไปได้และผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตรเครดิตแต่ละใบเป็นสำคัญ ต้องตรวจสอบว่าการซื้อทองด้วยบัตรเครดิตนั้นเข้าข่ายการได้รับคะแนนสะสมตามปกติหรือไม่
บางธนาคารอาจจัดประเภทการซื้อทองเป็นการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า ซึ่งมักจะไม่มีคะแนนสะสมและมีค่าธรรมเนียมพร้อมดอกเบี้ยสูง นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขายทองคำ (Spread) ซึ่งอาจทำให้ขาดทุนในการทำธุรกรรมแต่ละรอบ รวมถึงอาจมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ แอบแฝงอยู่ ดังนั้น การจะใช้วิธีนี้เพื่อเร่งแต้มจึงมีความซับซ้อนกว่าที่คิดมากและต้องศึกษาเงื่อนไขของบัตรแต่ละใบอย่างรอบคอบ รวมถึงความเสี่ยงด้านตลาดอย่างละเอียดก่อนลงมือทำ
สรุปแนวทางการสะสมแต้มบัตรเครดิตให้ได้เยอะๆ สำหรับคนที่ไม่ได้ทำธุรกิจ
คำแนะนำและแนวทางปฏิบัติต่างๆ อาจสรุปได้ดังนี้:
- ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้มากที่สุด: พยายามรวมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทุกอย่างเท่าที่ทำได้ให้ชำระผ่านบัตรเครดิต เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร การเดินทาง เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมที่ไม่คุ้มค่า: หากร้านค้ามีการคิดค่าธรรมเนียมการรูดบัตร (เช่น 3%) ควรพิจารณาความคุ้มค่า อาจเลือกชำระด้วยวิธีอื่นแทนหากแต้มที่ได้ไม่คุ้มกับค่าธรรมเนียมที่เสียไป
- รวมค่าใช้จ่ายของกลุ่ม/ครอบครัว: เมื่อไปทานอาหารหรือท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือที่ทำงาน หรือแม้แต่บุคคลในครอบครัว ให้เสนอตัวเป็นคนรูดบัตรจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนรวมไปก่อน แล้วให้เพื่อนๆ โอนเงินสดคืนภายหลัง โดยให้พวกเขานำเงินสดมาให้ผู้ถือบัตรเพื่อชำระคืน (แต่ต้องมั่นใจว่า เขาเหล่านั้น สนิทพอหรือไว้ใจได้เท่านั้น)
- เลือกใช้บัตรหลักใบเดียว: การรวมยอดใช้จ่ายไปที่บัตรใบเดียวจะช่วยให้คะแนนสะสมเร็วขึ้น
- ใช้โปรพิเศษของบัตร: บางธนาคารมีโปรแกรมที่ช่วยให้สะสมแต้มได้ แม้อาจมีค่าธรรมเนียม ถ้าหากได้แต้มกลับมาแล้วคุ้มก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าคิดแล้วไม่คุ้ม ก็ควรหลีกเลี่ยง
- มองหาโปรโมชั่นคะแนนพิเศษ: ติดตามและใช้ประโยชน์จากโปรโมชั่นที่ให้คะแนนสะสมพิเศษ เช่น x2, x3 หรือ x4 เท่า เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด
- พิจารณาเงื่อนไขการคิดคะแนน: ทำความเข้าใจวิธีคิดคะแนนของบัตรที่ใช้ เนื่องจากบางบัตรอาจคิดคะแนนจากยอดใช้จ่ายแต่ละครั้งแยกกัน ซึ่งถ้ายอดต่ำกว่าเกณฑ์ (เช่น กำหนดว่าทุก 25 บาทได้ 1 คะแนน) การใช้จ่ายยอดน้อยๆ (เช่น 20 บาท) อาจไม่ได้รับคะแนนเลย ในขณะที่บางบัตรอาจรวมยอดใช้จ่ายทั้งหมดในรอบบิลแล้วคำนวณคะแนนทีเดียว ซึ่งจะทำให้ยอดเล็กๆ น้อยๆ ถูกนำมารวมคิดคะแนนได้
- เน้นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่: คะแนนสะสมจำนวนมากมักมาจากการใช้จ่ายก้อนใหญ่ เช่น ค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน
- ใช้เวลาในการสะสม: สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้บัตรในทางธุรกิจ การสะสมคะแนนให้ได้มากพอสำหรับแลกของรางวัลใหญ่ๆ เช่น ตั๋วเครื่องบิน อาจต้องใช้เวลาพอสมควร (อาจจะ 1-3 ปี หรือนานกว่านั้น) ควรเลือกใช้บัตรที่คะแนนสะสมไม่มีวันหมดอายุเพื่อเป้าหมายระยะยาว
โดยสรุป แนวทางหลักคือการพยายามรวมทุกค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าใช้จ่ายของคนรอบข้าง (ที่สามารถทำได้และไว้ใจได้) มาผ่านบัตรเครดิตใบหลักเพียงใบเดียว ควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์จากโปรโมชั่น และทำความเข้าใจเงื่อนไขของบัตร เพื่อให้สะสมแต้มได้สูงสุด แม้จะต้องใช้เวลาหลายปีก็ตาม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น